1. นำเมาท์ไปวางที่กรอบหน้าต่าง Slide Pane บริเวณกรอบสีเทาด้านบน
2. กด Ctrl ค้างไว้พร้อมทั้งดับเบิ้ลคลิก หน้าต่าง Slide Pane ก็จะกลับไปอยู่ในตำแหน่งซ้ายมือดังเดิม

Blog เพื่อการเรียนรู้ OpenOffice
สมมติว่าพิมพ์ข้อความในเซลล์ A1, B1, C1, D1, E1, F1
ให้คลิกเลือกเซลล์ใหม่ที่ต้องการให้แสดงข้อความ แล้วกดที่ปุ่ม Functions
จะปรากฏหน้าต่าง Function Wizard ขึ้นมา
ในส่วนของ Function ให้เลือก CONCATENATE แล้วคลิก Next
จะเข้าสู่หน้าต่างถัดไป
ในส่วนของ text ให้ใส่ตำแหน่งของเซลล์ที่จะเชื่อมข้อความเข้าหากัน ในที่นี้คือเซลล์ A1, B1, C1, D1, E1, F1
กด OK ก็จะทำให้ได้ข้อความที่เชื่อมเข้าหากันเรียบร้อยในเซลล์ที่เลือกไว้
1.คลิกที่เมนู Format > Character จะปรากฎหน้าต่าง Character
2.ในส่วนของ Rotation / scaling ให้เลือก 90 degrees ข้อความก็จะพิมพ์ในลักษณะ 90 องศา หากต้องการให้หันตัวหนังสือไปอีกข้างหนึ่งให้เลือก 270 degrees ตัวหนังสือก็จะหันไปอีกข้างหนึ่ง
3.คลิก OK เอกสารที่เราพิมพ์ก็จะมีข้อความเป็นแนวตั้งแล้วครับ
1. เปิด Calc ขึ้นมาด้วย แล้วนำเมาส์คลิกที่ขื่อ table ที่ต้องการใน base
2. ลากไปวางไว้ใน Calc ทำเหมือนลากไฟล์ไปวางไว้ในโปรแกรมเพื่อเปิดก็จะได้ข้อมูลของ table ใน base ไปอยู่ใน Calc หากต้องการให้ข้อมูลปรากฏตั้งแต่เซล A1 ก็ลากไปวางไว้ที่เซล A1 ได้เลย หรือหากต้องการให้ไปปรากฏในเซลไหน ก็ให้ลากไปไว้ในเซลนั้น
วิธีการยกเลิกคำสั่งเมื่อได้ทำ select all sheet ไว้
มี 2 วิธี
1.กด Ctrl แล้วใช้เมาส์ชี้เลือกทุกชีท
2. ทำ insert sheet เพิ่มขึ้นมา โดยระบุให้ชีทที่เพิ่มมีแค่ 1 ชีท (หากไม่กำหนดตัวเลขลงไป ชีทที่จะ insert จะเท่ากับจำนวนชีทที่เราได้ทำ select all sheet ไว้) แล้วกด OK จากนั้นค่อยไปลบ sheet ที่เรา insert เพิ่มออกไป
Extension เหล่านี้สามารถ Download ได้ที่
=TEXT(number;"####") เช่น =TEXT(123;"###")
ด้วยคำสั่งนี้ จะทำให้ Cell ที่ีมีคำสั่งนี้ แสดงค่าตัวเลขในแบบของ Text Format
หากต้องการใช้คำสั่งนี้เพื่อเปลี่ยนข้อมูลทั้งคอลัมน์ ให้ใช้คำสั่งแบบนี้ครับ
=TEXT(E3;"###") โดยที่ E3 นั้น คือตำแหน่งของข้อมูลที่เราต้องการจะเปลี่ยนฟอร์แมต
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใน Cell ที่มีคำสั่งนี้ยังไม่ใช่ข้อมูลจริง ๆ แต่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นตามคำสั่งที่เราเขียนไว้ใน Cell หากต้องการให้เป็นข้อมูลที่เป็น Text Format จริง ๆ ให้ทำแบบนี้เพิ่มเติมครับ
1. ใช้เม้าส์คลิกเลือก Cell ที่มีคำสั่งนั้น แล้วไปที่มุมล่างขวา ลากลงมาจนครบทุก Cell ที่ต้องการ วิธีนี้จะทำให้มีการ Copy คำสั่งจาก Cell แรกไปยังทุก Cell ที่เราลากไปถึง และทุก Cell ที่มีคำสั่งก็จะแสดงค่าตามคำสั่งที่มีอยู่ใน CellFunction | Word standard shortcut | Writer standard shortcut |
Underline words not spaces | Control + Shift + W | No equivalent |
Thesaurus | Shift + F7 | Control + F7 |
Show/hide non-printing characters | Control + Shift + * | Control + F10 |
Hanging indent | Control + T | No standard equivalent |
“Unhang” indent | Control + Shift + T | No standard equivalent |
Indent | Control + M | No standard equivalent |
UnIndent | Control + Shift + M | No standard equivalent |
Superscript | Control + Shift = | Control + Shift + P |
Subscript | Control + = | Control + Shift + B |
Remove character formatting | Control + Space bar | Right-click > Default |
Remove paragraph formatting | Control + Q | Right-click > Default |
Jump to previous edit point | Shift + F5 | Need to use the reminders on the Navigator |
Shift paragraph up | No equivalent | Control + Up |
Shift paragraph down | No equivalent | Control + Down |
Find | Control + F | Control + F |
Replace | Control + H | Control + F |
OpenOffice มีรากฐานการพัฒนามาจากโปรแกรมชื่อ StarOffice ซึ่งเป็นโปรแกรม Office ที่พัฒนาขึ้นในประเทศเยอรมัน ต่อมาบริษัท Sun Microsystem ก็ขอซื้อไปในปี 1999 แล้วนำไปพัฒนาเป็น StarOffice 5.2 ออกจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2543 และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันได้ออกจำหน่าย StarOffice ในเวอร์ชั่นที่ 9 แล้ว
ในขณะที่ Sun ออก StarOffice ในเวอร์ชั่น 6 นั้น ได้มีการก่อตั้งโครงการ OpenOffice.org ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำ Source Code ที่ Sun เปิดเผยออกสู่สาธารณะมาพัฒนาต่อ อย่างไรก็ตาม Sun ก็ไม่ได้นำ Source Code มาเปิดเผยเสียทั้งหมด คงเปิดเผยเฉพาะที่สามารถเปิดเผยได้เท่านั้น จากนั้นก็มีการพัฒนาโปรแกรมคู่ขนานกันไปกับนักพัฒนาในโครงการ OpenOffice และได้มอบเงินทุนสนับสนุนให้กับโครงการ OpenOffice ด้วย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า จุดกำเนิดของ OpenOffice มีรากฐานมาจากโปรแกรม StarOffice นั่นเอง ส่วนความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 โปรแกรมนั้น โดยหลัก ๆ ก็คือ
- StarOffice เป็นโปรแกรมที่ต้องเสียเงินซื้อ แต่ OpenOffice แจกฟรี และหา Download ได้บน Internet
- StarOffice มีความสมบูรณ์แบบกว่าในเรื่องของแบบตัวอักษร, เรื่องของดิกชันนารี ในขณะที่ OpenOffice มีไม่เท่าเขา
- StarOffice มี Support Service สำหรับช่วย User ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากการย้ายการทำงานบน MS Office มาเป็น StarOffice แต่ OpenOffice ไม่มีบริการแบบนี้ User ต้องหาข้อมูลจาก Internet มาช่วยเหลือตัวเอง
- StarOffice ยังไม่มีภาษาไทยครับ แต่ OpenOffice มีภาษาไทยแล้ว และยังสนับสนุนการใช้ภาษาในโลกที่ 3 อีกค่อนข้างมาก
คราวหน้ามาต่อเรื่องของโปรแกรมแต่ละตัวที่มีใน OpenOffice จริง ๆ กันเสียทีครับ
หากคุณรู้จัก Microsoft Office ก็คงไม่เป็นการยากที่คุณจะเริ่มทำความรู้จักกับ OpenOffice ชุดโปรแกรมสำนักงานสำเร็จรูปที่มีรูปแบบการใช้งานที่ไม่แตกต่างไปจาก Microsoft Office ทั้งนี้เนื่องจาก OpenOffice เป็นชุดโปรแกรมที่มีความสามารถรอบด้านและครบถ้วน ประกอบด้วย
1.โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing) ที่เรียกว่า "Writer"
2.โปรแกรมตารางการคำนวณ (Spread Sheet) ที่เรียกว่า "Calc"
3.โปรแกรมการนำเสนอ (Presentation) ที่เรียกว่า "Impress"
4.โปรแกรมวาดภาพ (Drawing) ที่เรียกว่า "Draw"
5.โปรแกรมการสร้างและจัดการฐานข้อมูล (D-base) ที่เรียกว่า "Base"
6.โปรแกรมช่วยสร้างสมการคณิตศาสตร์ (Matchmatic Program) ที่เรียกว่า "Match"
ชุดโปรแกรมทั้งหมดนี้ ไม่เพียงแต่จะใช้งานง่ายเท่านั้น แต่ยังมีหน้าตาของเมนูและ Tools ต่าง ๆ ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับที่คุ้นเคยกันใน Microsoft Office ให้ได้ใช้งานอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถทำงานกับภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์ และใช้งานร่วมกับไฟล์ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจากชุดโปรแกรม Microfost Office ได้เป็นอย่างดี และจุดเด่นที่สำคัญที่สุดที่ไม่มีให้เห็นใน Microsoft Office นั่นคือ OpenOffice เป็นโปรแกรมที่เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี โดย ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และยังเปิดให้ผู้ที่มีความสามารถในเชิง Programming ได้ Download Source Code ของโปรแกรมไปพัฒนาได้อย่างอิสระอีกด้วย
รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติ OpenOffice สามารถหาอ่านได้ที่ http://about.openoffice.org/ ครับ
คราวหน้ามารู้จักกับชุดโปรแกรมใน OpenOffice แต่ละตัวกันครับ