Function | Word standard shortcut | Writer standard shortcut |
Underline words not spaces | Control + Shift + W | No equivalent |
Thesaurus | Shift + F7 | Control + F7 |
Show/hide non-printing characters | Control + Shift + * | Control + F10 |
Hanging indent | Control + T | No standard equivalent |
“Unhang” indent | Control + Shift + T | No standard equivalent |
Indent | Control + M | No standard equivalent |
UnIndent | Control + Shift + M | No standard equivalent |
Superscript | Control + Shift = | Control + Shift + P |
Subscript | Control + = | Control + Shift + B |
Remove character formatting | Control + Space bar | Right-click > Default |
Remove paragraph formatting | Control + Q | Right-click > Default |
Jump to previous edit point | Shift + F5 | Need to use the reminders on the Navigator |
Shift paragraph up | No equivalent | Control + Up |
Shift paragraph down | No equivalent | Control + Down |
Find | Control + F | Control + F |
Replace | Control + H | Control + F |
วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
Writer : ตารางเปรียบเทียบปุ่ม Short Cut ระหว่าง Word กับ Writer
วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
เปิดประตูออฟฟิศไปทำความรู้จักโปรแกรมต่าง ๆ

"Writer" เป็นโปรแกรมช่วยด้านการพิมพ์ตัวหนังสือสำหรับ งานเอกสารต่าง ๆ เช่น การพิมพ์บันทึกข้อความ การพิมพ์รายงาน การพิมพ์วิทยานิพนธ์ จดหมาย ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งหากเราคุ้นเคยกับโปรแกรม Microsoft Word แล้ว เราก็จะใช้งาน "Writer" ได้ไม่ยาก ทั้งนี้เพราะหน้าตาและวิธีการใช้งานแทบจะไม่แตกต่างไปจากหน้าตาของ Microsoft Word แต่อย่างใด โดยมีตัวช่วยในเรื่องของการตรวจคำสะกด ทั้งศัพท์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (ซึ่งโดยส่วนตัว ผมว่าในส่วนของภาษาไทยยังทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก), การแก้ไขคำผิดแบบอัตโนมัติ, การตัดคำเมื่อสิ้นสุดบรรทัด, ส่วนสนับสนุนการทำงานเอกสารร่วมกัน, และยังสามารถจัดเก็บในรูปแบบของ HTML เพื่อช่วยให้เราทำเว็บไซต์ได้อย่างง่าย ๆ ด้วย "Writer" ตัวนี้เพียงตัวเดียว และหากเรามีเอกสารอื่นที่อยู่ในรูปของ Microsoft Word (.doc) ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องยุ่งยากในการแปลงไฟล์ .doc เพื่อให้เปิดได้ด้วยโปรแกรม "Writer" นะครับ เพราะ "Writer" สามารถเปิดไฟล์ .doc ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เพื่อให้เราอ่านและแก้ไขเอกสารนั้น ๆ ก่อนที่จะเลือก Save กลับไปเป็นรูปแบบของ Microsoft Word หรือเลือก Save ในรูปแบบอื่น ๆ ได้ตามใจเรา

"Calc" คือโปรแกรมประเภท Spread Sheet แบบที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ Microsoft Excel โดยที่ "Calc" ก็มีหน้าตาละม้ายคล้ายจนเหมือนหน้าตาของ Microsoft Excel อยู่มาก ดังนั้นหากใครเป็นคนใช้ Excel ระดับขั้นเทพ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องกลับไปตั้งต้นเรียนรู้ขั้นตอนและวิธีการคำนวณต่าง ๆ ใหม่ใน "Calc" (จะมีที่ต้องเรียนรู้อยู่บ้างเพียงเล็กน้อยในเรื่องของสัญลักษณ์ที่ต้องใช้ในคำสั่งบางคำสั่งเท่านั้น) นอกจากนี้ "Calc" ยังช่วยให้เรานำข้อมูลในตารางที่มีอยู่มาสร้างกราฟรูปแบบต่าง ๆ ทั้งกราฟเส้น, กราฟแท่ง, กราฟวงกลม ทั้งแบบ 2 มิติ และ3 มิติได้อย่างสวยงามอีกด้วย และแน่นอนว่า "Calc" ก็ช่วยให้เราเปิดและจัดเก็บไฟล์งานต่าง ๆ ที่ Save ไว้ในโปรแกรม Excel (.xls) ได้อย่างสะดวกสบายเช่นกันครับ


"Draw" เป็นโปรแกรมช่วยในเรื่องการวาดภาพ หากจะเปรียบกับโปรแกรมใน Window ที่เราคุ้นเคย ก็คงเทียบได้กับโปรแกรม Microsoft Visio หรือไม่ก็ Paint นั่นเอง "Draw" สามารถใช้งานกับภาพทั้งในแบบ Vector และในแบบ Bitmap ได้ และยังมีฟังก์ชั่นง่าย ๆ ที่ช่วยในการสร้างภาพ Diagram หรือภาพประกอบ 3 มิติสำหรับงานเอกสารหรือการนำเสนออีกด้วย

"Math" เป็นโปรแกรมช่วยสร้างสูตรทางคณิตศาสตร์หรือสมการต่าง ๆ ดูจะเป็นโปรแกรมเดียวที่เราจะไม่ได้เห็นในชุดโปรแกรม MS Office เหมาะสำหรับนักคณิตศาสตร์หรือวิศวกร ที่ต้องคำนวณค่าต่าง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ยาก ๆ "Math" จะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่เรียบง่าย และเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งจำเป็นในการเขียนสูตรการคำนวณที่ซับซ้อนวุ่นวาย
** หมายเหตุ : โปรแกรมที่กล่าวถึงข้างบนนี้ สามารถ Save ให้เป็น format ของ PDF หรือเป็นประเภท Open Document Format (ODF) ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันได้ไม่ยาก เพราะมีฟังก์ชั่นนี้ติดมาด้วยอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปหาโปรแกรมตัวอื่นมาลงเสิรมแต่อย่างใดครับ

"Base" เป็นโปรแกรมช่วยงานในเรื่องเกี่ยวกับการจัดการฐานข้อมูล เราสามารถสร้างฐานข้อมูล เรียกดูและเรียกใช้ฐานข้อมูลจำนวนมากเพื่อการวิเคราะห์ต่าง ๆ ช่วยเราทำรายงานที่ซับซ้อนยุ่งยาก หรือจดหมายเวียนจำนวนมากได้อย่างง่าย ๆ และยังสามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลภายนอกที่มีอยู่แล้วเช่น MySQL และ dBaseได้ด้วย หากใครที่คุ้นเคยกับเพื่อนซี้อย่าง Microsoft Access อยู่แล้ว "Base" อาจเป็นเพื่อนใหม่ที่จะสามารถใช้งานได้ไม่ต่างจากเพื่อนเก่าเลยด้วยซ้ำ
เป็นอย่างไรบ้างครับ แต่ละโปรแกรมที่แนะนำกันมา ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ จริง ๆ ผมอยากแนะนำให้คุณ ๆ ที่เข้ามาอ่านได้ลองใช้ดู เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นโปรแกรมที่ Download มาใช้ได้ฟรีเท่านั้น แต่ OpenOffice ยังช่วยให้คุณทำงานต่อไปได้โดยแทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนความคุ้นเคยที่มีคุณมีต่อ MS Office มากนัก และที่สำคัญคือการได้มีส่วนร่วมในการลดละเลิกการใช้โปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์ หรือโปรแกรมเถื่อนด้วยครับ
สำหรับหน่วยงาน, องค์กรหรือบริษัทห้างร้าน อยากแนะนำให้ลองศึกษาและนำไปปรับใช้ดูครับ จะช่วยท่านลดปัญหาค่าใช้จ่ายด้านลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์ และปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์ลงไปได้มาก และหากมีการ Upgrade เวอร์ชั่นที่สูงขึ้นไป เราก็ยังคงหา Download มา Install ได้ฟรีโดยไม่ยุ่งยากด้วยเช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากโปรแกรมลิขสิทธิ์บางอย่าง ที่เราจะต้องเสียเงินซื้อเพิ่มเพื่อให้ได้เวอร์ชั่นที่สูงกว่าของเก่าครับ
สำหรับผู้ที่สนใจ ผมขอแนะนำให้เริ่มลองใช้กันตั้งแต่เวอร์ชั่น 3.0.1 เลย เพราะเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ได้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในเวอร์ชั่นเก่า ๆ ไปมากแล้ว อีกทั้งหน้าตาเมนูการใช้งาน ก็สวยงามแจ่มแจ๋ว ด้วยไอคอนที่คมชัดและมีสีสรรสะดุดตาครับ คลิกที่ Link ข้างล่างไป Download กันได้เลยครับ

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
กำเนิด OpenOffice

ตอนแรกว่าจะแนะนำโปรแกรมต่าง ๆ ในชุด OpenOffice ให้รู้จักกัน แต่เกิดนึกขึ้นได้ว่า น่าจะเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาเสียก่อน เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจว่า OpenOffice ถือกำเนิดขึ้นมาในโลกนี้ได้อย่างไร
OpenOffice มีรากฐานการพัฒนามาจากโปรแกรมชื่อ StarOffice ซึ่งเป็นโปรแกรม Office ที่พัฒนาขึ้นในประเทศเยอรมัน ต่อมาบริษัท Sun Microsystem ก็ขอซื้อไปในปี 1999 แล้วนำไปพัฒนาเป็น StarOffice 5.2 ออกจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2543 และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันได้ออกจำหน่าย StarOffice ในเวอร์ชั่นที่ 9 แล้ว
ในขณะที่ Sun ออก StarOffice ในเวอร์ชั่น 6 นั้น ได้มีการก่อตั้งโครงการ OpenOffice.org ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำ Source Code ที่ Sun เปิดเผยออกสู่สาธารณะมาพัฒนาต่อ อย่างไรก็ตาม Sun ก็ไม่ได้นำ Source Code มาเปิดเผยเสียทั้งหมด คงเปิดเผยเฉพาะที่สามารถเปิดเผยได้เท่านั้น จากนั้นก็มีการพัฒนาโปรแกรมคู่ขนานกันไปกับนักพัฒนาในโครงการ OpenOffice และได้มอบเงินทุนสนับสนุนให้กับโครงการ OpenOffice ด้วย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า จุดกำเนิดของ OpenOffice มีรากฐานมาจากโปรแกรม StarOffice นั่นเอง ส่วนความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 โปรแกรมนั้น โดยหลัก ๆ ก็คือ
- StarOffice เป็นโปรแกรมที่ต้องเสียเงินซื้อ แต่ OpenOffice แจกฟรี และหา Download ได้บน Internet
- StarOffice มีความสมบูรณ์แบบกว่าในเรื่องของแบบตัวอักษร, เรื่องของดิกชันนารี ในขณะที่ OpenOffice มีไม่เท่าเขา
- StarOffice มี Support Service สำหรับช่วย User ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากการย้ายการทำงานบน MS Office มาเป็น StarOffice แต่ OpenOffice ไม่มีบริการแบบนี้ User ต้องหาข้อมูลจาก Internet มาช่วยเหลือตัวเอง
- StarOffice ยังไม่มีภาษาไทยครับ แต่ OpenOffice มีภาษาไทยแล้ว และยังสนับสนุนการใช้ภาษาในโลกที่ 3 อีกค่อนข้างมาก
คราวหน้ามาต่อเรื่องของโปรแกรมแต่ละตัวที่มีใน OpenOffice จริง ๆ กันเสียทีครับ
วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
OpenOffice ของฟรีที่อาจมาแทน Microsoft Office

หากคุณรู้จัก Microsoft Office ก็คงไม่เป็นการยากที่คุณจะเริ่มทำความรู้จักกับ OpenOffice ชุดโปรแกรมสำนักงานสำเร็จรูปที่มีรูปแบบการใช้งานที่ไม่แตกต่างไปจาก Microsoft Office ทั้งนี้เนื่องจาก OpenOffice เป็นชุดโปรแกรมที่มีความสามารถรอบด้านและครบถ้วน ประกอบด้วย
1.โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing) ที่เรียกว่า "Writer"
2.โปรแกรมตารางการคำนวณ (Spread Sheet) ที่เรียกว่า "Calc"
3.โปรแกรมการนำเสนอ (Presentation) ที่เรียกว่า "Impress"
4.โปรแกรมวาดภาพ (Drawing) ที่เรียกว่า "Draw"
5.โปรแกรมการสร้างและจัดการฐานข้อมูล (D-base) ที่เรียกว่า "Base"
6.โปรแกรมช่วยสร้างสมการคณิตศาสตร์ (Matchmatic Program) ที่เรียกว่า "Match"
ชุดโปรแกรมทั้งหมดนี้ ไม่เพียงแต่จะใช้งานง่ายเท่านั้น แต่ยังมีหน้าตาของเมนูและ Tools ต่าง ๆ ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับที่คุ้นเคยกันใน Microsoft Office ให้ได้ใช้งานอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถทำงานกับภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์ และใช้งานร่วมกับไฟล์ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจากชุดโปรแกรม Microfost Office ได้เป็นอย่างดี และจุดเด่นที่สำคัญที่สุดที่ไม่มีให้เห็นใน Microsoft Office นั่นคือ OpenOffice เป็นโปรแกรมที่เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี โดย ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และยังเปิดให้ผู้ที่มีความสามารถในเชิง Programming ได้ Download Source Code ของโปรแกรมไปพัฒนาได้อย่างอิสระอีกด้วย
รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติ OpenOffice สามารถหาอ่านได้ที่ http://about.openoffice.org/ ครับ
คราวหน้ามารู้จักกับชุดโปรแกรมใน OpenOffice แต่ละตัวกันครับ